มรณานุสติ คาเฟ่ที่ให้มากกว่าความอิ่มท้อง

ชีวิต ความตาย มรณานุสติ …

โลก”เปรียบเสมือน “คุก”
ที่จองจำมนุษย์ให้ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย”
เวียนว่ายอยู่อย่างนี้

สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งสัจธรรมชีวิต แนะนำย่างก้าวเข้ามาที่ ‘มรณานุสติ คาเฟ่’ เรียกได้ว่าเป็นร้านกาแฟย่านอารีย์รูปแบบใหม่ที่มาในธีม “ความตาย” ฉีกทุกกฎสไตล์คาเฟ่อันกลาดเกลื่อนทั่วกรุง บางแห่งเป็นเพียงสถานที่เช็คอินสุดชิค เซลฟี่สวยๆ  แล้วลาจากกันแบบไม่มีอะไรให้น่าจดจำ แต่ไม่ใช่กับที่นี่ “Kid Mai Death Awareness Café หรือ มรณานุสติ คาเฟ่” อย่างแน่นอน

มรณานุสติ-คาเฟ่




มรณานุสติคาเฟ่

มรณานุสติคาเฟ่

มรณานุสติคาเฟ่

มรณานุสติคาเฟ่

รู้จักมรณานุสติ คาเฟ่ แบบเบื้องต้น

สำหรับคำว่า มรณานุสติ หมายถึง ระลึกความตายอยู่เสมอ การเดินทางสู่คาเฟ่แห่งนี้ ง่ายดายมาก ๆ ลงที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอารีย์ ทางออก 1 เดินไม่ไกล ประมาณ 50 เมตร จนเห็นอาคารเอ็กซิม ข้างๆ กันคุณจะพบกับทางเข้าร้านกาแฟอารีย์อันมืดสลัวที่เต็มไปด้วยป้ายข้อคิดต่าง ๆ นานา ประดับประดาอยู่เหนือศีรษะของเรา มีความเก๋ตรงที่ว่า เมื่อเราเดินไปอยู่ใต้ป้ายอันไหน ป้ายนั้นก็จะมีไฟสว่างขึ้นมา แค่ทางเข้าก็แปลกและแตกต่างจากคาเฟ่ทั่วไปอย่างน่าประทับใจ

มรณานุสติคาเฟ่

พ้นทางเดินยาวมาแล้วเลี้ยวซ้าย จะพบกับพนักงานต้อนรับชวนสะพรึงที่มาในรูปแบบโครงกระดูกนั่งอยู่บนโซฟา ถัดไปอีกหน่อยมีโลงศพตั้งอยู่ ทั้งสองสิ่งนี้ช่วยเตือนสติเราเป็นอย่างดี ว่าสุดท้ายแล้วคนเราต้องตาย ไม่ว่าคุณจะใหญ่คับฟ้าแค่ไหน คุณก็เล็กกว่าโลงศพอยู่ดี  บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ ร่มรื่น กลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นคาเฟ่สไตล์ Outdoor ใช้ลมจากพัดลมไอน้ำและลมธรรมชาติ ซึ่งดูโดยรวมแล้วคาเฟ่แห่งนี้ออกแบบมาให้คล้าย “ศาลาวัด” นั่นเอง

มรณานุสติคาเฟ่

ร้านกาแฟอารีย์แห่งนี้มีอะไร ?

ขึ้นชื่อว่าเป็นคาเฟ่แน่นอนว่าต้องมีเมนูให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งซิกเนเจอร์ที่มรณานุสติ คาเฟ่ร้านกาแฟอารีย์แห่งนี้ มี 4 อย่าง คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้แต่ชื่อเมนูยังเข้า Concept ร้านเป็นอย่างดี

  • เกิด (Born)

สื่อถึงความสดชื่นของการเกิดใหม่ ต้อนรับชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เครื่องดื่มสตรอเบอร์รี่มะนาวโซดา ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ซู่ซ่า และเค็มนิดๆ กับเกล็ดเกลือที่โรยบนขอบแก้ว สื่อถึงการเกิดตรงที่เยลลี่เบื้องล่างหมายถึงชีวิตเรา โซดาคือลมหายใจ และรสชาติของเครื่องดื่มก็หมายถึงชีวิตของเราที่มีครบทุกรสชาติ พร้อมที่จะเริ่มต้นเวียนว่ายตายเกิดแล้ว

มรณานุสติคาเฟ่

  • แก่ (Elder)

นัยยะแห่งความหมายของสังขารที่ต้องยอมรับความชรา มรณานุสติ คาเฟ่ เลือกสื่อถึงความแก่เฒ่า ด้วยเครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อน ๆ โรยผงโกโก้ที่สื่อถึงสังขารร่วงโรยที่ไม่มีใครสามารถเลี่ยงได้พ้น และมาร์ชเมลโล่ด้านบนที่ค่อยๆ ละลาย เปรียบดั่งร่างกายและอวัยวะที่เสื่อมลงทุกวัน ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเราต้องพบเจอ

  • เจ็บ (Painful)

เมนูขนมหวานที่เต็มไปด้วยวิปครีมฟูเต็มถ้วยผสมครัมเบิ้ล และราดซอสสตรอเบอร์รี่แบบล้น ๆ โดยสีแดงสดสื่อถึงบาดแผลและความเจ็บปวด (สั่งเมนูนี้จะเลอะเทอะหน่อย เพราะซอสสตรอเบอร์รี่ไหลเยิ้มมากจนออกนอกแก้ว) ให้ความชุ่มฉ่ำสื่อถึงความเจ็บปวดที่มนุษย์จะต้องพบเจอ

มรณานุสติคาเฟ่

  • ตาย (Death)

เครื่องดื่มช็อกโกแลตเข้มข้นและวิปครีม ราดซอสช็อกโกแลตแบบไหลดิ่ง สื่อความหมายถึง สุดท้ายแล้วชีวิตของคนเราย่อมมีอันดับสูญหายไป ขณะที่แท่งช็อกโกแลตที่ปักด้านบนก็เปรียบเสมือนธูปเคารพร่างกายที่เหลือเพียงแค่สังขารที่ไร้วิญญาณ

นอกจากนี้ยังมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ?

นอกจากซิกเนเจอร์ 4 เมนูนี้แล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ เช่นกัน โดยมีการตั้งชื่อเมนูอย่างน่าค้นหา เช่น Lastday, One Month Left , Green Mind ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 55 – 85 บาท บางเมนูมีให้เลือกทั้งแบบร้อนและแบบเย็น

กิจกรรมที่ต้องทำเมื่อมาที่นี่

มรณานุสติคาเฟ่

อย่างไรก็ดี มรณานุสติ คาเฟ่ ไม่ได้มีดีแค่เมนูแปลกๆ ให้ลองชิมเท่านั้น แต่มีกิจกรรมให้เราได้ร่วมทดลองและค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ เริ่มจากฐานทดลองเกิด จะเป็นห้องโทนสีแดงแรงฤทธิ์ เปรียบเสมือนเป็นมดลูกของแม่ โดยให้เราลองไปนั่งหรือนอนในเปล ตัวของเราจะคุดคู้เหมือนกับตอนอยู่ในท้องของแม่ ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อึดอัดและขยับกายไม่สะดวก

มรณานุสติคาเฟ่

 

ต่อมาเป็นฐานทดลองแก่ จะมีเสื้อหนักๆ คล้ายเสื้อชูชีพให้เราได้ลองสวมใส่ ซึ่งพอสวมเข้าไปแล้วจะรู้สึกหนักบ่ามากๆ ทำให้เราหลังค่อมเสมือนเป็นคนชรา และฐานทดลองตาย ก็คือโลงศพที่ตั้งอยู่ด้านหน้าคาเฟ่  ไฮไลท์ของที่นี่นั่นเอง สามารถลงไปลองนอนได้ จะมีทีมงานคอยเปิดปิดฝาโลงให้หากเราต้องการ และหลังจากทดลองนอนโลงศพแล้ว จะมีสมุดบันทึกให้เราเขียนความรู้สึกหลังจากได้ทดลองตายด้วย (ก่อนหน้านี้มีโปรโมชั่นนอนโลงศพแล้วจะได้ส่วนลดค่าเครื่องดื่ม แต่ตอนนี้ไม่มีโปรโมชั่นนี้แล้ว)

มรณานุสติคาเฟ่

ส่วนฐานเจ็บปวดไม่ใช่ว่าไม่มี มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นกิจกรรมที่ให้เราทดลองเจ็บปวด ทว่าเป็นกิจกรรมถักหมวกไหมพรมเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นที่สนใจมากในหมู่หญิงวัยกลางคน เพราะเข้าร่วมกิจกรรมกันมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว แถมยังมีมาสมทบเรื่อยๆ ตลอดวัน ซึ่งผู้ป่วยโรคมะเร็งนี้เองที่สื่อถึงความเจ็บปวด



รู้จัก มรณานุสติ คาเฟ่ให้มากขึ้น

เราพบกับ พี่นา หญิงร่างเล็กหน้าตาใจดี หนึ่งในทีมงานดูแลสถานที่แห่งนี้ ที่บอกกับเราว่า มรณานุสติ คาเฟ่อยู่ในการดูแลของมูลนิธิบ้านอารีย์** ยึดหลักพุทธศาสนาเป็นคอนเซ็ปต์ของร้าน โดยชื่อร้านมีความหมายว่า “ให้ระลึกเสมอว่าคนเราต้องตาย” ที่นี่เกิดขึ้นเพราะต้องการสร้างความสงบและสิ่งดีๆ ให้กับสังคม อยากให้ฉุกคิด และมีสติกับการใช้ชีวิต พี่นายังนำเสนออีกว่า “ที่นี่มีห้องจองจำด้วยนะ” พร้อมกับชี้ขึ้นไปยังชั้นสอง เราหันมองตาม ก่อนที่เธอจะพาเราขึ้นไปดูว่าห้องจองจำในที่นี้หมายถึงอะไร

มรณานุสติ-คาเฟ่

ห้องขังซึ่งมีลูกกรงสีดำทะมึนอันชวนหวาดหวั่นตรงหน้านั่นเองคือห้องจองจำ พี่นาบอกว่าห้องขังนี้ก็คือโลกของเรา เพราะ “โลก”เปรียบเสมือน “คุก” ที่จองจำมนุษย์ให้ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เวียนว่ายอยู่อย่างนี้  ได้ยินแล้วถึงกับขนลุก และในความเป็นจริง มันก็คือสัจธรรมที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ

คาเฟ่แห่งนี้ให้เรามากกว่าแหล่งชิมและเช็คอินทั่วไป นี่ไม่ใช่เพียงแค่ “คาเฟ่” แต่เป็น “คลับ” แลกเปลี่ยนความคิดและทำกิจกรรม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกมุมของที่นี่ล้วนมีความหมายซ่อนอยู่ ทุกอณูมีนัยสำคัญ มาที่นี่นอกจากจะได้มานั่งผ่อนคลายกับบรรยากาศร่มรื่นแล้วยังได้ข้อคิด ได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ เพื่อถามตัวเองว่าความต้องการที่แท้จริงในชีวิตคืออะไร

ความตายไม่ได้ห่างไกลจากชีวิตเราทุกคนเลย จะมีสักกี่คนที่ระลึกถึงความตายอยู่เสมอและพร้อมรับมือเมื่อมันมาถึง ลองถามตัวเองดูว่าหากในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราต้องตาย สิ่งแรกที่เราอยากจะทำคืออะไร ?

  • บางคนตอบว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้า
  • ทำดีกับผู้มีพระคุณ
  • บางคนหันหน้าเข้าปฏิบัติธรรม
  • ขณะที่บางคนเริ่มวางแผนชีวิตด้วยการเขียนพินัยกรรม

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ต้องรอให้รู้วันตายเราก็ลงมือทำสิ่งเหล่านี้ได้เลย เพียงแค่ระลึกอยู่เสมอว่าในท้ายที่สุด “เราต้องตาย” คุณก็อาจจะเห็นคุณค่าของการมีชีวิตมากยิ่งขึ้น

“วันนี้…คุณพร้อมตายแล้วหรือยัง ?”
“คุณหนึ่งทิวาว์…ตายได้แล้วค่ะ”

เสียงแห่งสัจธรรมดังก้องกระทบโสตประสาท ทำให้ฉันพลันตื่นจากภวังค์
ความจริงตรงหน้าที่ไม่อาจปฏิเสธ ฉันเอื้อมมือออกไปหามัน…ความตาย 

เริ่มสนใจอยากเยือนร้านกาแฟย่านอารีย์แห่งนี้กันบ้างไหมคะ ? สัญญาว่าบทความต่อไปหนึ่งทิวาว์จะหาเรื่องราวน่าสนใจมา Recommend เล่าให้ชาว Move on blog ฟังอีกนะคะ คงต้องขอฝากด้วยจ้า

Did you know ?

**มูลนิธิบ้านอารีย์ เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ จัดตั้งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเผยแผ่พุทธศาสนา รวมถึงเข้าร่วมกับองค์กรการกุศลอื่นๆ มีการผลิตสื่อธรรมมะในรูปแบบหนังสือ ซีดี และจัดการเรียนการสอนวิชาอภิธรรมเบื้องต้นและภาษาบาลีเบื้องต้นด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
ราคา : 55 – 85 บาท
วิธีการเดินทาง : Bts สถานีอารีย์ ทางออก 1 (ข้างอาคารเอ็กซิม)
Facebook : Kid Mai Death Awareness Café

เรื่อง : หนึ่งทิวาว์
ถ่ายภาพ :
ลูกเกด

  1. อ่านแล้วอยากลองไปคาเฟ่นี้เลยค่ะ น่าสนใจมาก จะรอติดตามรีวิวต่อไปนะคะ ทำได้ละเอียดดี ^^