เมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา ผู้เขียนมีโอกาสอ่านบทวิเคราะห์จาก Economic Intelligence Center (EIC) จากธนาคารไทยพาณิชย์ที่วิเคราะห์เรื่องราว “รถยนต์ไฟฟ้า เปลี่ยนความท้าทายในธุรกิจน้ำมันให้กลายเป็นโอกาส“ โดย ดร.ศิวาลัย ขันธะชวนะ ผู้จัดการคลัสเตอร์พลังงาน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุเรื่องราวสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าไว้อย่างน่าสนใจหลายเรื่องเลยล่ะ
เอาเป็นว่า MOVE ON ขอหยิบมาเล่าเป็นประเด็น ๆ พร้อมกับสอดแทรกสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ฟังตามนี้ “การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงชะลอตัวใน 10 ปีข้างหน้า จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายต่อธุรกิจน้ำมัน”
จากเทรนด์ที่เกิดขึ้น หมายความว่า อีก 10 ปีต่อจากนี้ ภายในปี 2029 ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังจะชะลอตัวอาจจะไม่สดใสเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
จากเทรนด์ในอนาคตนี้ทำให้นักลงทุนที่ทุ่มหุ้นกับพลังงานน้ำมันนั่งไม่ติด คิดหนักว่าจะทำไงต่อดีเราขอให้คุณใจเย็นและอ่านบทความนี้
เนื่องจากบริษัทน้ำมันเชนยักษ์ใหญ่ระดับโลกไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่างปรับตัวเพื่อตั้งรับกับสถานการณ์ดังกล่าวมาสักพัก โดยหันมาลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น พูดง่าย ๆ คือ เล่นแบบ Play Safe ปลอดภัยไว้ก่อน ถามว่าเราได้เรียนรู้อะไรกับสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะมาถึงในปี 2040 และกำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในทั่วโลก ???
กระแสของรถยนต์ไฟฟ้าจะส่งผลต่อธุรกิจน้ำมันโดยตรง
แม้จะต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด พวกเขาเริ่มจะมาจับธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ ลม ตลอดจนธุรกิจแบตเตอรี่ พร้อมกับจับกลุ่มเหล่าสตาร์ทอัพพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอีกเพียบ
Total หันมาทำแบตเตอรี่และพลังงานทดแทน
เห็นได้จากกลยุทธ์บริษัท โททาล ออยล์ (Total Oil) ผู้ประกอบธุรกิจกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก ผลิตน้ำมันหล่อลื่นเป็นหลัก เริ่มหันมาทำธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแก๊สและพลังงานทดแทนบ้างแล้ว โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์หลายราย และลงทุนอย่างหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
BP ขอเน้นสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
น่าสนคือแบรนด์ บีพี (BP) เป็นบริษัททางด้านพลังงานขนาดใหญ่ของโลกมีต้นกำเนิดอยู่ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร นี้แหละ เพราะมีเป้าหมายก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เราจะเห็นว่า เน้นขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยก่อสร้างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะบนเกาะอังกฤษมากกว่า 6,500 แห่ง แว่ว ๆ ว่า จะเปิด สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงปริ๊ด (Ultra-Fast Chargers) ใช้เวลาชาร์จ 10 นาทีวิ่งไกล 100 ไมล์ โดยจะให้บริการใน 1,200 สถานีน้ำมัน BP ภายในปี 2019 พร้อมกับร่วมลงทุนกับ PowerShare สตาร์ทอัพเมืองจีนเข้าขยายตลาด สยายปีกสู่แดนมังกร!!
Shell ขอขยายการลงทุนร่วมกับสถานีชาร์จไฟฟ้า
ทางด้านเชลล์ (Shell) เน้นซื้อมากกว่า เริ่มจากปี 2017 กว้านซื้อบริษัท NewMotion เจ้าของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีกว่า 3 หมื่นแห่งในยุโรป และยังมีแผนลงทุนอื่น ๆ อีกเพียบที่น่าจับตามองโดยเฉพาะล่าสุด (2019) การเข้าซื้อบริษัท Greenlots จากแอลเอที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์รถยนต์ไฟฟ้า
Chevron ลงทุนสถานีชาร์จร่วมกับพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่
เห็นได้จากการลงทุนของเชฟรอน (Chevron) แม้จะเป็นบริษัทด้านพลังงานสัญชาติอเมริกัน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานรามอน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประกอบธุรกิจครบครัน ทั้งสำรวจ ผลิต ขนส่ง และจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม พลังงานความร้อนใต้ดินและเคมีภัณฑ์ ล่าสุด เชฟรอนเริ่มลงทุนในบริษัท ChargePoint ขยายธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาเหนือและยุโรป ร่วมทั้งเข้าลงทุนกับ Natron Energy เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่กำลังไฟสูงแต่ต้นทุนไม่สูง เพื่อหนุนระบบจัดกับพลังงานให้กับสถานีชาร์จไฟฟ้า
และนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของธุรกิจพลังงานน้ำมันระดับโลกที่เริ่มหันมาลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น อย่างไรก็ดี เราต้องยอมรับว่า ผลพวงที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้ามาถึงอาจจะไม่ได้กระทบเพียงแค่ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องปรับตัว แต่กลับส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น ธุรกิจรถยนต์ทั่วไป ธุรกิจอะไหล่ยนต์ ธุรกิจประกันภัยที่ต้องปรับความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากขึ้น
เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนเราต้องปรับถึงจะรอด หมายความว่า
“ต่อจากนี้ธุรกิจจะมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่นิ่ง ๆ เป็นเสือนอนกินไม่ได้จะต้องลุกมาปรับเพื่อเปลี่ยน และรับมือกับสถานการณ์เสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”
แล้วมุมของผู้บริโภค ?
ถึงวันนี้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายในไทย หากวันที่รถยนต์ไฟฟ้ามาถึง พวกเราน่าจะต้องปรับตัวกันใหม่ และหันมาทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์พลังงานน้ำมันแบบดั้งเดิม เพิ่มความเป็นมิตรให้กับสิ่งแวดล้อมก็เป็นไปได้…
ขอบคุณข้อมูลจาก : EIC, th.wikipedia.org